สาธารณสุขกระบี่เร่งควบคุมโรคชิคุนกุนยาระบาดหนัก ยุงลายแพร่พันธุ์เต็มพื้นที่ ซักประวัติ-เจาะเลือดชาวบ้านนับร้อยที่มีอาการเบื้องต้น พ่นฉีดยาฆ่ายุงลาย

นายประเสริฐ กูลหลัก นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านเกาะกลาง อสม. และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันลงพื้นที่ไปยังมัสยิดบ้านเกาะกลาง หมู่ 1 ต.คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ หลังทราบว่ามีชาวบ้านจำนวนมากอาจป่วยเป็นโรคชิคุนกุนยา หรือโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรคเกือบทั้งหมู่บ้าน พร้อมนำอุปกรณ์ฉีดพ่นควันฆ่ายุงลายและไข่ของยุงลายตามแหล่งน้ำต่างๆ รวมทั้งนำทรายอะเบทกำจัดลูกน้ำยุงลาย ต่อมาทางเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองประสงค์ ได้แจ้งเสียงตามสายให้ชาวบ้านที่ทราบว่าตัวเองอาจป่วยเป็นไข้เดินทางมาที่มัสยิดเพื่อเข้ารับการตรวจและสังเกตอาการในเบื้องต้น ปรากฏว่ามีชาวบ้านกว่า 100 คนเดินทางมา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก ต่างมีอาการปวดตามข้อ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้ในเบื้องต้นหากป่วยตามอาการของโรคชิคุนกุนยา จากนั้นได้ทำการเก็บประวัติผู้ป่วยทั้งหมด พร้อมเจาะเลือดเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์หาเชื้อว่าเป็นไข้ชิคุนกุนยาหรือไม่จะทราบผลภายใน 7 วัน ในระหว่างให้รักษาไปตามอาการเพื่อให้บรรเทาลง

นายประเสริฐ กูลหลัก นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังทราบข่าวว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่สงสัยว่าป่วยด้วยโรคชิคุนกุนยานั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบประวัติการรักษาตาม รพ.สต. รพ.กระบี่ และโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ ได้ข้อมูลว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคชิคุนกุนยาจริงอย่างน้อย 2-3 รายแล้ว เชื่อได้ว่าผู้ที่ป่วยในพื้นที่น่าจะป่วยด้วยโรคนี้จริง เนื่องจากมีตัวพาหะคือยุงลายที่น่าจะกระจายเต็มพื้นที่แล้ว ได้เริ่มดำเนินการโดยหาจำนวนผู้ที่ป่วยทำการเจาะเลือด ทำประวัติเพื่อรักษาตามขั้นตอน ส่วนเชื้อจะทราบผลใน 7 วัน จากนั้นจะให้เจ้าหน้าที่เดินตามบ้านช่วยกันทำลายแหล่งเพราะลูกน้ำยุงลาย โดยใช้ทีม อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกครัวเรือนในหมู่บ้านและสุดท้ายคือการไล่ฉีดพ่นสารเคมีจำกัดยุงลาย จะเป็นการควบคุมโรคได้

นางวิมล บุตรไกล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 หมู่ 1 ต.คลองประสงค์ กล่าวว่า สามีของตนคือนายสะมะแอน อายุ 48 ปี ป่วยเป็นโรคปวดตามข้อ มีอาการหนาวสั่น และท้องร่วง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา พาไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทย์บอกว่าต้องรอให้ครบ 3 วันก่อนจึงจะวินิจฉัยอาการได้ถูกต้อง ก่อนให้ยาพาราเซตามอลมารับประทาน ต่อมาวันที่ 2 อาการของสามีกำเริบหนักขึ้น ก็เดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้แพทย์ได้เจาะเลือดไปตรวจสอบยังไม่ทราบผล ก่อนให้ยากลับมาบ้าน จนขณะนี้อาการก็ไม่ดีขึ้น เชื่อว่าอาจจะเป็นเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ป่วยแบบเดียวกัน

ที่มา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ภาพ แฟ้มภาพ