นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ท้องผูกเป็นอาการที่พบได้บ่อย เมื่อลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าในระหว่างการย่อยอาหาร ทำให้ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหารได้ตามปกติ โดยนายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของอาการท้องผูกที่พบบ่อย ได้แก่
- การอั้นอุจจาระ
- การรับประทานอาหารที่มีปริมาณเส้นใยไม่เพียงพอ
- ขาดการออกกำลังกาย (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ)
- การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาระงับปวด ยาลดกรด ยารักษาความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาบำรุงที่มีธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ
- ดื่มน้ำน้อย
- มีน้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป
- ปัญหาความเครียด
- ปัญหาทางด้านจิตใจ
สัญญาณอันตราย เสี่ยงท้องผูก ลักษณะอาการที่เป็นสัญญาณแจ้งเตือน คือ
- การถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น
- อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เป็นเม็ดเล็กๆ รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออกหรือถ่ายได้ไม่สุด
- ถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมาก
- มีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระ
- อาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งบริเวณหน้าท้องร่วมด้วย
ผู้ที่มีอาการดังกล่าวเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือน อาการท้องผูกธรรมดาอาจพัฒนากลายเป็นท้องผูกเรื้อรังที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้ ได้แก่ โรคริดสีดวงทวาร การเกิดแผลแตกรอบๆทวารหนัก และอาจก่อให้เกิดอาการลำไส้อุดตันได้ ดังนั้น หากพบความผิดปกติในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยหาสาเหตุไม่ได้ อีกทั้งมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลงผิดปกติ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แม้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่อาจซ่อนความผิดปกติไว้
วิธีรักษาอาการท้องผูก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหาร เช่น การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง โดยเฉพาะผัก ผลไม้และธัญพืช
- ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8–10 แก้วต่อวัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวัน
- ไม่ควรใช้ยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานาน หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยการใช้ยา
ยาที่ช่วยรักษาอาการท้องผูกสามารถแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น เส้นใยหรือไฟเบอร์ มีสารที่มีคุณสมบัติในการดูดน้ำได้ดี อุจจาระจึงนิ่มและถ่ายออกได้ง่าย ยาระบายกลุ่มกระตุ้น ช่วยกระตุ้นจังหวะการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ยาระบายกลุ่มออสโมซิส ช่วยออกฤทธิ์ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ใหญ่มากขึ้น ทำให้อุจจาระไม่แห้งและแข็งจนถ่ายออกลำบาก ยาช่วยหล่อลื่นอุจจาระ ยาเหน็บและการสวนอุจจาระ เป็นต้น ทั้งนี้ควรดูแลรักษาสุขภาพและรับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและมีอนามัยที่ดีอยู่เสมอ
ที่มา สนุกดอทคอม
ภาพ แฟ้มภาพ
แก้ไขล่าสุด : 12 ก.ค. 2561, เวลา 18:06