ดร.พูนาม เคตราปาล ซิงห์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก (WHO-SEARO) ได้ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไทยในประเด็นการบังคับใช้ซองบุหรี่แบบเรียบ ภายหลังกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับหีบห่อผลิตภัณฑ์ยาสูบ และผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรต พ.ศ. 2561 หรือประกาศซองบุหรี่แบบเรียบ ภายใต้ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 12 กันยายน 2562
ดร.พูนาม กล่าวว่า ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อนโยบายการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ จนกระทั่งเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ออกมาตรการซองบุหรี่แบบเรียบ และจะเป็นผู้นำให้ประเทศที่มีรายได้ปานกลางขั้นสูงอื่นๆ เดินหน้าพัฒนามาตรการที่คุ้มค่าที่สุด “best buy” นี้ ของ WHO ในการควบคุมกำกับอุตสาหกรรมยาสูบ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการซองบุหรี่แบบเรียบนี้จะช่วยปกป้องสุขภาพประชากรไทยจากพิษภัยของบุหรี่ได้ในระยะยาว
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ผู้ทรงคุณวุฒิควบคุมยาสูบ และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 11 ของโลกที่ออกมาตรการนี้ โดยความร่วมมือกันจากหลายฝ่าย ในส่วนของ สสส. ได้สนับสนุนการสร้างสังคมไร้ควันบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ 1 ซอง จะทำให้ชีวิตของผู้สูบบุหรี่สั้นลงประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที หรือ สูบบุหรี่ 1 มวน ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที ซึ่งมาตรการบุหรี่ซองเรียบ เป็นการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบที่ทางองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติเพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นไม่ให้เข้าสู่วงจรนักสูบ ซึ่งประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศแรกที่ประกาศใช้กฎหมายบุหรี่ซองเรียบ ตั้งแต่ปี 2555 หลังจากประกาศใช้แล้วพบว่า บุหรี่ซองเรียบทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลง 0.2% ต่อปี ซึ่งหากซองบุหรี่แบบเรียบส่งผลต่อการสูบบุหรี่เช่นเดียวกับในออสเตรเลีย ในปัจจุบันประเทศไทยมีคนสูบบุหรี่ซอง 5.9 ล้านคน ดังนั้นการที่กฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบมีผลบังคับใช้ จึงคาดว่าจะสามารถลดคนสูบบุหรี่ในประเทศได้ถึง 111,794 คนต่อปี
ที่มา สปริงนิวส์
ภาพ แฟ้มภาพ
แก้ไขล่าสุด : 10 ม.ค. 2562, เวลา 13:54