กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่สนามบินดอนเมือง เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์และตรวจจับการกระทำความผิดตามกฎหมายควบคุมเหล้า-ยาสูบ พบการกระทำผิด รวม 5 ราย โดยได้ดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและร้องเรียนการกระทำผิดตามกฎหมายดังกล่าวผ่านโปรแกรมประยุกต์ “TAS”
ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมนางสาวอังคณา บริสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมาย พ.ต.ท. ภฤศ ฉายวัฒนะ ร.ต.อ. รัฐภูมิ โมรา และ ส.ต.อ. มานะวุฒิ รัตตะกุญชร จากสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตดอนเมือง สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อชี้แจงข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 แก่ผู้รับผิดชอบสถานที่ของท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและผู้ประกอบการต่างๆ พร้อมติดตามการดำเนินการจัดเขตปลอดบุหรี่และเขตสูบบุหรี่ภายในท่าอากาศยานดังกล่าว ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในครั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้พบบุคคลชาวไทย จำนวน 3 ราย และชาวต่างชาติ จำนวน 2 ราย กำลังสูบบุหรี่ ณ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตั้งอยู่ข้างประตูทางออกที่ 8 ของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 1 ซึ่งมีเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่แสดงไว้อย่างเปิดเผยและเห็นได้อย่างชัดเจน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย การสูบบุหรี่ในบริเวณดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 42 ซึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แสดงตัวเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย และนำตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย ณ สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนแยกท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ให้การรับสารภาพและยินยอมเสียค่าปรับตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปรายละ 500 บาท
สำหรับเจ้าของสถานที่ นอกจากต้องจัดเขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ให้มีสภาพและลักษณะตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์หรือแจ้งเตือนว่าสถานที่นั้นเป็นเขตปลอดบุหรี่ และควบคุมดูแลหรือห้ามปรามไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ด้วย ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายจะประสบความสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของสถานที่หรือผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจังด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าให้ความสำคัญและร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ย่อมส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ปลอดควันบุหรี่และพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งสองฉบับที่มุ่งปกป้องคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากพิษภัยของผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างแท้จริง
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค ขอชวนประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบผ่านช่องทางโปรแกรมประยุกต์ (Application) “TAS” ที่จะทำให้การร้องเรียนง่ายขึ้น โดยสามารถร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ ใช้ได้ทั้งสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (IOS) ประชาชนและพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ “http://TAS.go.th” หรือค้นหาจาก google คำว่า “ระบบแจ้งร้องเรียนการกระทำผิดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ” ท่านก็สามารถเข้าใช้งานได้ฟรีทันที หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โทร. 02 590 3342 และศูนย์กฎหมาย 02 590 3318 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ที่มา กรมควบคุมโรค
ภาพ แฟ้มภาพ
ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมนางสาวอังคณา บริสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมาย พ.ต.ท. ภฤศ ฉายวัฒนะ ร.ต.อ. รัฐภูมิ โมรา และ ส.ต.อ. มานะวุฒิ รัตตะกุญชร จากสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตดอนเมือง สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อชี้แจงข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 แก่ผู้รับผิดชอบสถานที่ของท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและผู้ประกอบการต่างๆ พร้อมติดตามการดำเนินการจัดเขตปลอดบุหรี่และเขตสูบบุหรี่ภายในท่าอากาศยานดังกล่าว ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในครั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้พบบุคคลชาวไทย จำนวน 3 ราย และชาวต่างชาติ จำนวน 2 ราย กำลังสูบบุหรี่ ณ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตั้งอยู่ข้างประตูทางออกที่ 8 ของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 1 ซึ่งมีเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่แสดงไว้อย่างเปิดเผยและเห็นได้อย่างชัดเจน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย การสูบบุหรี่ในบริเวณดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 42 ซึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แสดงตัวเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย และนำตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย ณ สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนแยกท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ให้การรับสารภาพและยินยอมเสียค่าปรับตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปรายละ 500 บาท
สำหรับเจ้าของสถานที่ นอกจากต้องจัดเขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ให้มีสภาพและลักษณะตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์หรือแจ้งเตือนว่าสถานที่นั้นเป็นเขตปลอดบุหรี่ และควบคุมดูแลหรือห้ามปรามไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ด้วย ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายจะประสบความสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของสถานที่หรือผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจังด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าให้ความสำคัญและร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ย่อมส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ปลอดควันบุหรี่และพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งสองฉบับที่มุ่งปกป้องคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากพิษภัยของผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างแท้จริง
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค ขอชวนประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบผ่านช่องทางโปรแกรมประยุกต์ (Application) “TAS” ที่จะทำให้การร้องเรียนง่ายขึ้น โดยสามารถร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ ใช้ได้ทั้งสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (IOS) ประชาชนและพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ “http://TAS.go.th” หรือค้นหาจาก google คำว่า “ระบบแจ้งร้องเรียนการกระทำผิดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ” ท่านก็สามารถเข้าใช้งานได้ฟรีทันที หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โทร. 02 590 3342 และศูนย์กฎหมาย 02 590 3318 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ที่มา กรมควบคุมโรค
ภาพ แฟ้มภาพ
แก้ไขล่าสุด : 5 ก.ค. 2561, เวลา 00:01